โลกของเราดำเนินอยู่ได้อย่างไร ?
เด็กปฐมวัยไขคำตอบในวันนักวิทยาศาสตร์น้อย 2556
บทความจาก : สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท)
สรุปบทความ
ความเป็นมา
เด็ก ๆ อนุบาลจากหลากโรงเรียน หลายจังหวัดในภาคใต้ รวมทั้งครูและผู้ปกครอง ต่างก็มารวมตัวกันที่หาดทรายแก้ว ณ โรงแรมหาดแก้ว รีสอร์ท จังหวัดสงขลา ในงาน“วันนักวิทยาศาสตร์น้อย 2556” ที่จัดโดยสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) และองค์กรเครือข่ายต่างๆ
สสวท. ได้เห็นความสำคัญของการปลูกฝังการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ตั้งแต่ระดับปฐมวัย โดยได้ดำเนิน “โครงการบูรณาการวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยีปฐมวัย” ขึ้น ในรูปของกิจกรรมบูรณาการสหวิชา ให้เด็กได้เรียนรู้ผ่านการสืบเสาะหาความรู้ การคิด และลงมือแก้ปัญหาด้วยประสบการณ์ตรงอย่างเหมาะสมกับวัย และเป็นไปตามหลักการจัดการศึกษาปฐมวัย DSCN8613
“โครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย เป็นโครงการที่พัฒนากิจกรรมสำหรับเด็กระดับปฐมวัย ในด้านกระบวนการคิด สร้างพื้นฐานความพร้อมในการพัฒนาต่อยอดไปเป็นนักวิทยาศาสตร์ในอนาคต
สรุปกิจกรรม
กิจกรรมนี้สอนให้เด็กสามารถหาความรู้ได้จากสิ่งแวดล้อมรอบตัว เนื่องจากเด็กๆ มีส่วนร่วมในการใช้ทรัพยากรดิน น้ำ อากาศและพลังงาน กิจกรรมนี้จึงมุ่งหวังให้เด็กๆ ตระหนักถึงการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน โดยมองเห็นประโยชน์ของทรัยาการเหล่านี้จากการทำกิจกรรม โดยกิจกรรมนี้มี 6 กิจกรรม ประกอบด้วย
เด็กๆ
ค้นพบว่าโดยปกติน้ำและน้ำหวานเป็นของเหลว
เมื่อนำไปแช่ในน้ำแข็งที่ใส่เกลือซึ่งมีอุณหภูมิต่ำกว่า 0 องศาเซลเซียส
ทำให้น้ำและน้ำหวานมีอุณหภูมิลดต่ำลงจนเปลี่ยนเป็นเกล็ดน้ำแข็ง
2. ความลับของดิน
เด็กๆ พิสูจน์ว่าดินมีองค์ประกอบเป็นหินที่ผุพังสลายตัว
ซากพืชซากสัตว์ อากาศ และน้ำ ดังนั้น
ส่วนที่เป็นของแข็งที่อยู่ในดินจึงมีขนาดแตกต่างกัน เมื่อเทน้ำลงไป
อากาศก็จะออกมาจากดินเป็นฟองให้เห็น
และจะพบว่าอนุภาคที่มีขนาดใหญ่จะตกตะกอนลงสู่ก้นภาชนะ
และอนุภาคที่มีขนาดเล็กกว่าก็จะค่อยๆ ตกลงมาเนื่องจากแรงดึงดูดของโลก
เมื่อการตกตะกอนสิ้นสุดลง จะมองเห็นดินเป็นชั้นๆ
ส่วนซากพืชซากสัตว์ก็จะลอยอยู่บนผิวหน้าของน้ำ
ทำให้เห็นองค์ประกอบของดินด้วย
3. ถึงร้อนก็อร่อยได้
ดวงอาทิตย์เป็นแหล่งพลังงานความร้อนและแสงสว่างของโลก
พื้นผิวโลกที่มีลักษณะแตกต่างกันจะดูดกลืนพลังงานความร้อนไว้ได้ต่างกัน
ซึ่งเด็กๆ จะพบจากการสัมผัสแผ่นกระเบื้องสีดำและสีขาว ที่วางไว้กลางแจ้ง
เมื่อเด็ก ๆ ขึ้นไปเหยียบบนแผ่นกระเบื้องสีดำ
จะรู้สึกร้อนกว่าเพราะสีดำดูดกลืนพลังงานความร้อนไว้มากกว่า
จึงถ่ายโอนความร้อนมายังเท้าของเรามากกว่า โดยมนุษย์เราใช้ประโยชน์จากความร้อนมากมาย เช่น ทำอาหาร โดยพบว่าความร้อนทำให้ช็อกโกเลตและมาร์ชแมลโลหลอมยึดติดกับขนมปังกรอบ
4. มหัศจรรย์กังหันลม
พลังงานจากลมเป็นพลังงานสะอาดจากธรรมชาติซึ่งมีประโยชน์ต่อมนุษย์มากมาย
กิจกรรมนี้จะช่วยให้เข้าใจว่าพลังงานจากลมทำให้กังหันหมุนได้
ซึ่งสามารถที่จะใช้พลังงานจากการหมุนต่อยอดไปทำประโยชน์อื่น เช่น
การผลิตกระแสไฟฟ้า การฉุดระหัดวิดน้ำ การยกของ เป็นต้น
5. ว่าวเล่นลม
อากาศมีแรงกระทำต่อวัตถุ
จากสมบัติดังกล่าว
สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ในกิจกรรมที่รู้จักกันดีคือ การเล่นว่าว
แรงกระทำของอากาศจะช่วยให้ว่าวลอยอยู่ในอากาศได้
และรูปร่างตลอดจนหางว่าวก็มีส่วนช่วยให้ว่าวสมดุลอยู่ในอากาศ
6. โมบายเริงลม
พลังงานจากลมช่วยให้สิ่งของต่างๆ เกิดการเคลื่อนที่ ในกิจกรรมนี้เมื่อเด็ก ๆ ทำโมบายที่สวยงามแล้ว นำไปแขวนในที่ที่มีลมพัด โมบายก็จะเคลื่อนที่และเกิดเสียงที่ไพเราะ นอกจากนี้ในการทำโมบายจะเข้าใจหลักการสมดุลของแรงด้วย
กิจกรรมที่เด็กปฐมวัยได้เรียนรู้ทั้งหมดเน้นการสร้างประสบการณ์การเรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมใกล้ตัว เพื่อเริ่มต้นทำความเข้าใจเกี่ยวกับโลกเราอาศัยกิจกรรมที่นำไปสู่การค้นพบคำตอบเกี่ยวกับดิน น้ำ อากาศ (ลม) และไฟ (พลังงาน) จากการทดลองค้นคว้าง่ายๆ ตามศักยภาพของเด็ก โดยกระตุ้นการเรียนรู้จากการตั้งคำถามและร่วมกันค้นหาคำตอบไปพร้อมๆ กัน
และประโยชน์ที่ได้รับจากงานนี้คือ ประสบการณ์การเรียนรู้และกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสร้างแรงบันดาลใจให้แก่เด็กๆ ปฐมวัยในการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ การได้เข้าใจโลกในมุมกว้าง ซึ่งจะเป็นก้าวสำคัญในการเป็นพื้นฐานที่จะต่อยอดการเรียนรู้ในระดับที่สูงยิ่งๆ ขึ้นไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น